เศรษฐกิจโลกทรงอย่าง “แบด” แม้กระนั้นบางทีอาจไม่ “แซด” เหมือนอย่างที่คิด

· 1 min read
เศรษฐกิจโลกทรงอย่าง “แบด” แม้กระนั้นบางทีอาจไม่ “แซด” เหมือนอย่างที่คิด

แนวโน้มเศรษฐกิจโลกวิเคราะห์เศรษฐกิจโลก 2566ข่าวธุรกิจโลก
เศรษฐกิจโลกในช่วงก่อนหน้านี้ ผมมั่นใจว่าหนึ่งในข่าวที่ท่านนักอ่านได้รับทราบกันแทบทุกวันเป็น แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่ดูจะไม่ค่อยผ่องใสเท่าไรนักพินิจพิจารณาเศรษฐกิจโลก 2566 โดยหลายฝ่ายมีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกในทิศทางที่ห่วยลงกว่าคาดเดาเดิม หรือที่เรียกว่า downside risk ลงเรื่อยอย่างไรก็แล้วแต่ ในวันนี้ผมไม่ได้อยากเอ๋ยถึงเศรษฐกิจโลกในมุมที่เครียดจนเหลือเกิน ผมจึงขอเปรียบเศรษฐกิจโลกเป็นเพลง ซึ่งเพลงที่ผมมีความคิดว่าคงจะกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกช่วงนี้สูงที่สุดคือ เพลงทรงอย่างแบด ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมเพราะว่าหลายข้างคาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะ “แบด”



ออกจะแน่ แต่ว่าในอีกมุมนึง ผมก็มีความรู้สึกว่าบางครั้งก็อาจจะไม่ “แซด” เหมือนอย่างที่คิด จาก 3 ข่าวเศรษฐกิจโลกเหตุผลที่บางทีอาจช่วยให้ mood & tone ของเศรษฐกิจโลกดู soft ลงได้ ดังนี้ผูกเองได้…ก็แก้เองได้ ผมตั้งข้อคิดเห็นว่า recession คราวนี้ที่บางทีอาจเกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปดูจะเป็นความตั้งใจของธนาคารกลางอีกทั้ง Fed แล้วก็ ECB สำหรับเพื่อการดับไฟเงินเฟ้อที่บางทีอาจลุกลามแย่ลงกว่าเดิม ผ่านการใช้เครื่องมือด้านการเงินแบบดั้งเดิม อย่างการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำหรับเพื่อการขจัดปัญหา สิ่งที่เกิดขึ้นดูจะแตไม่เหมือนกับ recession 2 ครั้งในอดีตที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด หรือมีการประเมินสถานการณ์ที่ต่ำเกินความจำเป็น
อย่างวิกฤต Hamburger ที่เกิดขึ้นจากปัญหาอสังหาริมทรัพย์ที่ซุกอยู่ใต้พรมแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เพียงพอปะทุขึ้นมาก็ทำให้วาณิชธนกิจขนาดใหญ่อย่าง Lehman Brothers ล้มเลวทรามข้ามคืน หรือวิกฤต COVID-19 ที่ผมจำได้ว่าตอนที่เจอการระบาดหนแรกที่เมืองอู่ฮั่นของจีนในธ.ค. 2562มีผู้ติดโรคเพียงหลักพัน หลายข้างยังประเมินกันอยู่เลยว่าไม่น่าจะร้ายแรง แม้กระนั้นในที่สุดคนไหนจะรู้สึกว่าจะก่อให้มีผู้ติดเชื้อโรคทั่วโลกเกือบ 700 ล้านคน แล้วก็สร้างความย่ำแย่ต่อเศรษฐกิจสูงที่สุดในรอบ 90 ปีโดยเหตุนี้ ถ้ามองในแง่ดี วิกฤตครั้งนี้มีการเดาไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งเป็นวิกฤตที่ผู้กำหนดแนวนโยบายผูกเอง และสามารถแก้เองได้ เอาง่ายๆคือ Fed รวมทั้ง ECB
ตั้งใจเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เศรษฐกิจชะลอ เพื่อลดเงินเฟ้อได้พินิจพิจารณาเศรษฐกิจโลก 2566 ก็สามารถลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้เช่นกัน– โกรธแค้นนี้…เริ่มชำระไม่สาย ผมกำลังกล่าวถึงการที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาด เรื่องนี้คงจะสร้าง multiplier effects ต่อเศรษฐกิจโลกได้ในหลายมิติ ไม่เพียงแค่ภาคการท่องเที่ยวที่ล่าสุด McKinseyเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน คาดว่าปีนี้คนจีนจะออกไปท่องเที่ยวทั่วทั้งโลกกว่า 70 ล้านคน หรือกลับมากว่า 50% ก่อนเกิด COVID-19 รวมถึงการที่จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ด้วยรูปทรงราว 12% ก็คงจะช่วยประคองการค้าขายโลกได้ระดับหนึ่ง
ดังนี้ มีข้อมูลที่น่าดึงดูดพบว่า ในตอน 3 ปีที่จีนใช้แนวทาง Zero COVIDแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ชาวจีนมีมูลค่าการออมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเศรษฐกิจโลก 2566 มากขึ้นกว่า 80% สาเหตุดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายทวงแค้นที่อั้นมาในตอน lockdown (revenge travel & 
spending) ได้อย่างดีเยี่ยมเวลาเดียวกัน เงินเฟ้อจีนที่ยังอยู่ระดับค่อนข้างต่ำลำดับที่หนึ่งของโลกที่ 1.8% ทำให้จีนยังมี room อีกมากสำหรับการใช้นโยบายการคลังแล้วก็การคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุด ข้างหลังจีนประกาศเปิดประเทศ Barclays ได้ปรับเพิ่มคาดเดาเศรษฐกิจจีนปี 2566 จาก 3.8% เป็น 4.8% ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้ Barclays ปรับเพิ่มคาดคะเนเศรษฐกิจโลกปีนี้ขึ้นจาก 1.7% เป็น 2.2% อีกด้วย
เศรษฐกิจโลก
งานยังมี…เงินยังแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดแรงงานและก็ภาคการเงินของสหรัฐรวมทั้งยุโรปที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในอดีตกาลแม้เกิด recession ภาคส่วนดังที่ได้กล่าวมาแล้วเอาแต่ได้รับผลกระทบเป็นลำดับต้นๆอย่างวิกฤต Hamburger และก็ COVID-19 ที่อัตราการว่างงานสหรัฐและยุโรปพุ่งเกิน 
10%แต่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป หากแม้พวกเราจะได้ยินข่าวบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ ประกาศปลดบุคลากรกว่าแสนอัตรา แม้กระนั้นยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับพลังงานทั้งผองของสหรัฐ ที่กว่า 165 ล้านคนเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ทำให้ล่าสุดอัตราการว่างงานสหรัฐ ยังอยู่ระดับที่ถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ 3.5% เช่นเดียวกับในยุโรปที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.5%เศรษฐกิจโลก